เงียบเป็นเป่าสาก
สํานวนสุภาษิตนี้ หมายถึงสถานการณ์ที่ไม่มีใครพูดอะไร ไม่มีเสียงตอบกลับใดๆ มักใช้ในสถานการณ์ที่มีคนถามไป แต่ไม่มีคนใดตอบกลับมา
ที่มาของสํานวน เปรียบเปรยถึงการเป่าไปที่สาก ซึ่งเป่าอย่างไรก็ไม่เกิดเสียง
สํานวนสุภาษิตนี้ หมายถึงสถานการณ์ที่ไม่มีใครพูดอะไร ไม่มีเสียงตอบกลับใดๆ มักใช้ในสถานการณ์ที่มีคนถามไป แต่ไม่มีคนใดตอบกลับมา
ที่มาของสํานวน เปรียบเปรยถึงการเป่าไปที่สาก ซึ่งเป่าอย่างไรก็ไม่เกิดเสียง
สํานวนสุภาษิตนี้ หมายถึงผู้ที่สำคัญตนว่ามีความรู้มาก แต่จริงแล้วมีความรู้ในกรอบแคบๆ มีประสบการณ์น้อยเพราะไม่ได้ออกไปเจอกับโลกทัศน์ภายนอก
ที่มาของสํานวน เปรียบเปรยถึงกบที่อยู่ในกะลา ก็จะมีความเชี่ยวชาญอยู่ในพื้นที่เล็กๆในกะลาของตน แต่หากออกไปจากกะลาก็จะอยู่ลำบากในโลกกว้าง
สํานวนสุภาษิตนี้ หมายถึง คนภายในหน่วยงานของเรา,ครอบครัวเราหรือเพื่อนของเรา ทรยศหักหลังเรา โดยเอาข้อมูลความลับของฝ่ายเราไปบอกกับศัตรู ทำให้ศัตรูนำข้อมูลนั้นกลับมาเล่นงานเรา
ที่มาของสํานวน ความเค็มของเกลือช่วยทำให้ไม่ให้แมลงวันมาตอมและวางไข่ได้ ซึ่งหากมีแมลววันมาวางไข่ที่เนื้อก็จะเกิดหนอน เกลือจึงเปรียบเสมือนสิ่งที่ช่วยปกป้องไม่ให้เนื้อเกิดหนอนขึ้น เปรียบได้ว่าคนที่ทรยศเหมือนกับเกลือ ที่กลับกลายเป็นหนอนมากัดกินเนื้อที่ตนเองดูแลเสียเอง
สํานวนสุภาษิตนี้ มักใช้ในเหตุการการเมืองบ่อยๆ หมายถึงมีการเคลื่อนไหวหรือกระทำการอย่างเงียบๆ เพื่อรอดำเนินการทำอะไรบางอย่าง ซึ่งดูภายนอกเหมือนไม่มีเหตุการณ์อะไรผิดปกติ
ที่มาของสํานวน ปกติคลื่นในมหาสมุทรจะมีความยาวช่วงคลื่นที่สม่ำเสมอมองเห็นได้ไม่ยากนัก แต่คลื่นใต้น้ำเป็นคลื่นที่ไม่สามารถมองเห็นได้ แต่เมื่อเคลื่อนที่มาใกล้ถึงฝั่งเนื่องจากพื้นที่ตื้นมากขึ้น จึงจะเกิดเป็นคลื่นขนาดใหญ่ขึ้น
สํานวนสุภาษิตนี้ หมายความว่า ผู้ที่มีฐานันดรศักดิ์สูงกว่า ดูถูกเหยียดหยันผู้ที่มีสถานะทางสังคมต่ำกว่า
ที่มาของสํานวน สำนวนนี้มาการที่ในอดีต ไพร่มีฐานะความเป็นอยู่ค่อนข้างแร้นแค้น อาหารการกินจึงไม่สมบูรณ์พร้อมนัก โอกาสที่จะได้ทานของหวานจึงเป็นสิ่งที่ยาก ไม่เหมือนกับพวกที่ฐานันดรสูงส่งที่มีอาหารการกินและของคาวหวานเพียบพร้อม
สํานวนสุภาษิตนี้ หมายความว่า ตัดขาดกัน ไม่คบหาสมาคมกันอีกต่อไป
ที่มาของสํานวน สำนวนนี้ มาจากการกรวดน้ำ โดยเป็นการคว่ำภาชนะบรรุจน้ำ เช่นการคว่ำขัน,คว่ำกะลา สื่อความว่าไม่ยุ่งด้วย หรือตัดขาดจากกัน