จมไม่ลง
สำนวนสุภาษิตนี้ หมายถึงบุคคลที่เคยมีฐานะร่ำรวยหรือมีชื่อเสียงมาก่อน แต่ปัจจุบันยากจนหรือไม่มีชื่อเสียงอีกแล้ว แต่ยังประพฤติตนเหมือนกับตอนที่ยังมีฐานะหรือชื่อเสียงดีเหมือนแต่ก่อน
ที่มาของสำนวน –
สำนวนสุภาษิตนี้ หมายถึงบุคคลที่เคยมีฐานะร่ำรวยหรือมีชื่อเสียงมาก่อน แต่ปัจจุบันยากจนหรือไม่มีชื่อเสียงอีกแล้ว แต่ยังประพฤติตนเหมือนกับตอนที่ยังมีฐานะหรือชื่อเสียงดีเหมือนแต่ก่อน
ที่มาของสำนวน –
สำนวนสุภาษิตนี้ หมายถึงการทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม และปัจจุบันยังหมายถึงประเพณีไทยชนิดหนึ่งอีกด้วย
ที่มาของสำนวน สมัยก่อนวัดต่างๆจะมีกองทรายของแต่ละวัด แต่จะมีชาวบ้านนำทรายออกจากวัดเพื่อไปทำที่, ซ่อมบ้าน หรือแม้แต่การที่เดินออกจากวัดแล้วทรายติดออกมาด้วย ถือว่าเป็นหนี้สงฆ์ คนสมัยก่อนจึงได้มีประเพณีขนทรายเข้าวัด เพื่อให้ชาวบ้านนำทรายมาคืนวัดเพื่อจะได้ไม่ติดหนี้สงฆ์
สำนวนสุภาษิตนี้ หมายถึงการบังคับให้บุคคลหนึ่งกระทำตามในสิ่งที่ผู้สั่งต้องการ โดยผู้ถูกบังคับนั้นไม่เต็มใจ
ที่มาของสำนวน มาจากการที่วัวไม่สบายจึงไม่ยอมกินหญ้า แต่ก็บังคับกดหัววัวเพื่อให้มันกิน
สำนวนสุภาษิตนี้ หมายความว่าการจะคบคนเป็นเพื่อนหรือคบหาแบบชู้สาว ต้องดูกริยามารยาท ท่าทาง บุคลิกประกอบให้ดี
ที่มาของสำนวน เปรียบเปรียถึงการที่จะคบคนก็ต้องให้พิจารณาหน้าตาว่าดูแล้วว่าโหงเฮ๊งต่างๆ ดูเหมาะสม ไม่เป็นคนคดโกง ส่วนการที่จะซื้อผ้าก็ต้องดูเนื้อผ้าว่ามีคุณภาพดีหรือไม่
สํานวนสุภาษิตนี้ หมายถึง ตำหนิงานหรือของที่ทำ ทั้งๆที่งานนั้นเพิ่งเริ่มไปได้ไม่นานหรือทำไปได้เพียงเล็กน้อย
ที่มาของสํานวน โกลนคือรูปร่างของเรือ ที่มาจากไม้ซุงทั้งต้น และได้มาตกแต่งเพียงบาางส่วน ซึ่งบางคนมาเห็นเรือที่ยังเป็นรูปโกลนอยู่ก็ตำหนิก่อนแล้วว่าไม่สวย ทั้งๆที่โกลนนั้นๆเพิ่งขึ้นรูปเท่านั้นเอง
สํานวนสุภาษิตนี้ หมายความว่า อาการของคนที่มีอาการหน้าซีด ตกใจกลัวหรือผิดหวังบางอย่างอย่างมาก
ที่มาของสํานวน สำนวนนี้มาจากวงการนักเลงปลากัด กล่าวคือ หากปลาตัวผู้มีอาการตื่นตัวจะมีสีเข้มขึ้น แต่หากปลาตัวนั้นไม่สู้หรือยอมแพ้ สีที่ตัวปลาจะจางลงเรียกว่า “ถอดสี”
สํานวนสุภาษิตนี้ หมายถึงคนที่ไม่มีน้ำใจ หรือไม่มีความเมตตากรุณา
ที่มาของสํานวน เปรียบเปรยถึงบัวที่แห้งแล้งขาดน้ำ
สํานวนสุภาษิตนี้ หมายถึงการแสดงออกทางหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส แต่ภายในใจนั้นไม่พอใจหรือไม่ชอบใจ
ที่มาของสํานวน –
สํานวนสุภาษิตนี้ หมายถึงผู้ที่มีฐานะร่ำรวย แต่ทำตัวสมถะหรือแต่งตัวซ่อมซ่อ
ที่มาของสํานวน เปรียบเปรยถึงหากเราเห็นผ้าขี้ริ้วเราก็จะรู้สึกว่าสกปรกหรือไม่น่าพิสมัย แต่หารู้ไม่ว่าข้างในผ้าขี้ริ้วนั้นมีของมีค่าก็คือทองอยู่ข้างใน
สํานวนสุภาษิตนี้ หมายถึงการกระทำสิ่งใดให้ดูดีเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ทำดีเพื่อให้ผ่านการประเมินหรือไม่ให้โดนตำหนิ แต่หากดูดีๆแล้วจะพบกว่าปัญหานั้นๆไม่ได้ถูกแแก้ไขหรือทำให้ดีจริง
ที่มาของสํานวน เปรียบเปรยถึง อาหารธรรมดาเมื่อทำเสร็จแล้ว หากโรยด้วยผักชีก็จะทำให้อาหารน่ากินมายิ่งขึ้น